Agromaterial

Ethaboxam 10.4% SC  ออกฤทธิ์แบบดูดซึมทั้งป้องกันและรักษาเชื้อราในกลุ่มขยายพันธุ์โดยไม่อาศัยเพศ   ฉีดพ่นได้ทุกระยะ   ไม่กระทบต่อดอก   โดดเด่นในการป้องกันกำจัดโรคราน้ำค้าง   และกลุ่มโรคที่เกิดจากเชื้อรา  Phytophthora sp.

นอกจากธาตุอาหารหลัก   ยังมีธาตุอาหารรองและธาตุอาหารเสริมที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตและการให้ผลผลิตของพืช   รวมทั้งสารเสริมสร้างการเจริญเติบโตหรือ  PGRs  ที่พืชสร้างจากธาตุอาหารเหล่านี้เพื่อทำหน้าที่ที่สำคัญโดยเฉพาะเจาะจง

โรคใบไหม้แผลใหญ่ https://youtu.be/B9XJzwLJFHs พบได้ตลอดฤดูปลูก ควบคุมการเกิดโรคด้วยการใช้สารในกลุ่ม FRAC 11 ได้แก่ Azoxystrobin, Pyraclostrobin, Trifloxystrobin, Kresoxim Methyl รวมทั้ง Triforine, Myclobutanil สารในกลุ่ม 3

ข้าวโพดข้าวเหนียว Sweet Wax 254 หรือพันธุ์ 'ดร.เป๊ก แต้มม่วง' ได้มีการเคลือบสารป้องกันโรคราน้ำค้าง หนอนกระทู้ข้าวโพดลายจุดมาในขั้นตอนการบรรจุเมล็ดพันธุ์เพื่อป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้นในแปลงภายหลังการปลูก

ในแปลงปลูกข้าวโพด มักจะพบปัญหาโรคราน้ำค้างตั้งแต่ระยะต้นกล้า คลุกเมล็ดด้วยสาร Dimethomorph ก่อนปลูก ป้องกันการเข้าทำลายของโรคตลอดระยะการเจริญเติบโตทางลำต้น ฉีดพ่นอีก 1-2 ครั้ง หลังจากข้าวโพดมีอายุได้ 1 เดือน

กระตุ้นการเกิดรากหาอาหาร สร้างการเจริญเติบโตด้วย "เฮลตี้-เอส" ภายหลังการย้ายปลูก ในระยะตั้งตัว ต้นกล้ามีความต้องการปัจจัยเพื่อการเจริญเติบโตในปริมาณที่มาก ได้แก่ ธาตุอาหารทางดิน น้ำ แสงแดด การกระตุ้นให้รากพืชมีปริมาณและความยืดยาวสูงจึงเป็นความจำเป็นต่อการเจริญเติบโตในช่วงเริ่มต้น เกษตรกรจึงควรฉีดพ่น "เฮลตี้-เอส" สารกระตุ้นการเกิดราก เพื่อช่วยให้พืชมีความสามารถในการหาอาหารและดูดน้ำมาใช้เพื่อการสังเคราะห์แสงสร้างอาหารได้อย่างรวดเร็ว หรือในไม้ผลที่ต้องการการซ่อมแซมรากพืชที่เสียหายในระยะฟื้นสภาพต้น "เฮลตี้-เอส" ก็สามารถช่วยทำหน้าที่นี้ได้อย่างสมบูรณ์ อัตราการใช้ที่แนะนำ 20 ซีซีต่อน้ำ 20 ลิตร สิ่งที่เกษตรกรต้องคำนึงถึงในกระบวนการบริหารจัดการปลูกคือ หากพืชมีระบบรากดี มีความสามารถในการดูดกินธาตุอาหารและน้ำทางดินได้ดี สังเคราะห์แสงสร้างอาหารได้อย่างสมบูรณ์ พืชมีความแข็งแรง สามารถตั้งตัวได้เร็ว การเจริญเติบโตเป็นไปตามปกติ มีภูมิต้านทานการเกิดโรคและแมลงศัตรูพืชอยู่ในระดับที่ต้านทาน ผลิตภาพในการบริหารจัดการสูง จะทำให้ต้นทุนเฉลี่ยของการจัดการศัตรูพืชของเกษตรกรลดต่ำลง ...

กระตุ้นพืชให้ดูดกินธาตุอาหารเพื่อสร้างการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วทันใจด้วย "ไวก้า" ปี 2562 มีการคาดการณ์กันว่าประเทศไทยจะเผชิญกับปรากฎการณ์เอลนินโญ หรือสภาพอากาศที่ร้อนแล้งในช่วงระหว่าง 6 เดือนแรกของปีนี้ และจะเข้าสู่ภาวะปกติในช่วงครึ่งปีหลังคือจะมีฝนตกตามปกติ ในสภาพอากาศแห้งแล้ง อุณหภูมิสูง พืชจะมีความเครียด ปากใบปิดหยุดการคายน้ำ รากพืชไม่กินปุ๋ย มีผลทำให้ต้นพืชหยุดกระบวนการสังเคราะห์แสงสร้างอาหาร มีการเจริญเติบโตที่ไม่สมบูรณ์ ผลผลิตต่ำกว่าปกติ ถึงแม้จะมีการจัดการปัจจัยการผลิตที่ดีสักเพียงใดก็ตาม "ไวก้า" ใช้ได้ผลกับพืชทุกชนิดที่เกษตรกรผู้ปลูกต้องการสร้างการเจริญเติบโตในสภาพแวดล้อมที่ตึงเครียด ไม่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตด้วยอัตราการใช้ที่เหมาะสมตลอดอายุการปลูกจนกระทั่งเก็บเกี่ยว 5*-20** ซีซีต่อน้ำ 20 ลิตร ทุก 7-10 วัน ผลการใช้งานโดดเด่นมากในการใช้งานกับผักใบ อาทิ คะน้า กวางตุ้ง พืชตระกูลกะหล่ำที่นิยมปลูกกันมากในฤดูแล้ง หรือปลูกในสภาพไร่ที่มักจะมีปัญหาเรื่องปริมาณน้ำที่ไม่เพียงพอต่อการเพาะปลูกพืช * ปรับลดอัตราการใช้ลงหากพบว่าต้นพืชมีความสมบูรณ์เป็นที่พอใจ ** ไม่มีความ...

ลำดับการผสมสารป้องกันกำจัดศัตรูพืช ปัญหาสารเคมีที่ไม่ละลาย นอกจากคุณภาพของสารเคมีที่ใช้แล้ว ยังต้องคำนึงถึงลำดับการผสมด้วย การผสมสารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืชที่ถูกต้อง ควรเรียงลำดับก่อน - หลังดังนี้ ลำดับที่ 1  เม็ดผสมน้ำ (WG) ลำดับที่ 2  ตามด้วยเม็ดละลายน้ำ (SG) ลำดับที่ 3  ผงผสมน้ำ (WP) ลำดับที่ 4  สารละลายในน้ำมัน (EW) ลำดับที่ 5  สารแขวนลอยในน้ำมัน (OD) ลำดับที่ 6  สารแขวนลอยเข้มข้น (SC) ลำดับที่ 7  สารแขวนลอยในรูปแคปซูล (CS) ลำดับที่ 8  ผสมสารเหลวละลายน้ำ (SL) ลำดับรองสุดท้าย สารละลายน้ำมัน (EC) จากนั้นจึงเติมสารเสริมประสิทธิภาพหรือสารจับใบเป็นลำดับสุดท้าย # ลำดับการผสมสารป้องกันกำจัดศัตรูพืช #WG #WaterDispersibleGranule #SG #WaterSolubleGranule # WP #WettablePowder #EW #EmulsionOilinWater #OD #OilDispersion #SC #SuspensionConcentrate #CS #CapsuleSuspension #SL #SolubleConcentrate #EC #EmulsifiableConcentrare https://www.bvl.bund.de/EN/04_PlantProtectionProducts/01_ppp_tasks/08_ProductChemistry/01_ppp_coformulants_formulationChemistry/01_ppp_f...

“ สร้างพลัง คุ้มค่า คู่คุณ ” กับความมั่นใจในการเพิ่มผลผลิตข้าวที่มีคุณภาพกับ  ‘ คัสโตเดีย  +  เอ็กซ์ - โกร ’ ‘ ในการผลิตข้าว  เกษตรกรมักจะพบปัญหาโรคทางใบ  อาทิ  โรคใบจุดสีน้ำตาล  โรคใบขีดสีน้ำตาล  โรคกาบใบแห้ง  โรคเมล็ดด่างอยู่เป็นประจำ  ป้องกันกำจัดด้วย  ‘ คัสโตเดีย ’ ( สารอะซ็อกซี่สโตรบิน FRAC Group 11 +  สารทีบูโคนาโซล FRAC Group 3)  เพียง  2  ครั้งในระยะข้าวตั้งท้อง  ยับยั้งการเกิดโรค ทั้งยังช่วยเพิ่มปริมาณและคุณภาพผลผลิตด้วยคุณสมบัติการสร้างเสริมสุขภาพพืชของคัสโตเดีย  ใช้ร่วมกับ  ‘ เอ็กซ์ - โกร’    สาหร่ายทะเลสกัดคุณภาพสูง  ต้นข้าวแข็งแรง ทนทานต่อความแห้งแล้ง  เมล็ดสวย  แกร่ง  คุณภาพดี เป็นที่ต้องการของตลาด ’ * คัสโตเดีย  1  ลิตร  +  เอ็กซ์ - โกร  1  ลิตร ฉีดพ่นได้  20  ไร่

เชื้อแบคทีเรียที่สำคัญต่อการควบคุมโรคพืช เชื้อแบคทีเรีย  Trichoderma harzianum  ใช้คลุกกับเมล็ดพันธุ์พืชก่อนการเพาะกล้า ช่วยกระตุ้นความงอกของเมล็ด  เพิ่มความยาวของรากพืชหรือฉีดพ่นทางใบช่วยสร้างการเจริญเติบโต เพิ่มมวลน้ำหนักแห้งให้กับพืช ต้นพืชแข็งแรง https://www.linkedin.com/pulse/how-does-trichoderma-harzianum-work-darren-chan ใช้ร่วมกันได้กับเชื้อแบคทีเรีย  Bacillus subtilis  ที่มีประโยชน์ในการควบคุมโรคราได้อย่างกว้างขวาง  รวมทั้งเชื้อแบคทีเรีย  Xanthomonas sp.  สาเหตุโรคพืช  อีกทั้งช่วยกระตุ้นการสร้างสารสร้างภูมิต้านทานของพืช ได้แก่  Salicylic acid  และ  PGRs  ที่สำคัญอีกหลายชนิด http://tujournals.tu.ac.th/tstj/detailart.aspx?ArticleID=4799 รวมทั้งอีกหลายสายพันธุ์ที่มีประโยชน์

การฉีดพ่นสารป้องกันกำจัดโรครา ควรฉีดพ่นให้ครอบคลุมกลุ่มเชื้อราชั้นต่ำที่มักจะเกิดในสภาพอากาศเย็นชื้น ซึ่งเป็นสภาพปกติของเวลากลางคืนและฤดูหนาว  นอกเหนือจากการฉีดพ่นกลุ่มสารที่ควบคุมการเข้าทำลายของราชั้นสูงที่พบโดยทั่วไปในสภาพอากาศร้อนชื้น เช่นในประเทศไทยและประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้  เกษตรกรสามารถฉีดป้องกันได้ด้วยสารที่มีราคาไม่แพง  อาทิ  แมนโคเซบ  โพรพิเนบ ที่มีธาตุสังกะสีเป็นส่วนประกอบในสาร  อีกทั้งยังเป็นประโยชน์ต่อการเจริญเติบโตของพืช  รวมทั้งสารป้องกันกำจัดที่อยู่ในรูปธาตุอาหารพืช  ได้แก่  สารฟอสไฟต์  ในรูปของปุ๋ยสูตร  0-30-20  โดดเด่นในการป้องกันกำจัดโรคราชั้นต่ำ  อาทิ  โรคใบไหม้  โรคราน้ำค้าง  โรคเน่าคอดินที่เกิดจากเชื้อพิเธียม  โรครากเน่าโคนเน่า

เชื้อแบคทีเรียตัวร้าย ต้องทำลายให้สิ้นซาก โรคขอบใบทอง (Black Rot) ที่พบในพืชตระกูลกะหล่ำ ได้แก่ กะหล่ำปลี กะหล่ำดอก บร็อคโคลี่ คะน้า ผักกาดหัว แรดิช เทอร์นิพ ฯลฯ เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย Xanthomonas campestris pv. campestris แผลที่ใบมีลักษณะอาการแห้งจนเป็นสีน้ำตาลรูปสามเหลี่ยมแหลมเข้าโคนใบ มักพบที่ขอบใบแก่รอบนอกทรงพุ่ม ส่งผลให้พื้นที่ในการสังเคราะห์แสงของใบพืชลดลง ผลผลิตลดต่ำลงตามระดับความรุนแรง เกิดได้ทุกฤดูกาล ทุกสภาพพื้นที่ โรคสามารถลุกลามไปทั่วทั้งแปลงอย่างรวดเร็วในสภาพที่ดินและอากาศมีความชื้นสูง ระดับความเสียหายทางเศรษฐกิจปานกลาง ควบคุมป้องกันการเกิดโรคได้โดยการใส่ปุ๋ยอินทรีย์หรือปูนขาวปรับสภาพความเป็นกรด/ ด่างในดินเพื่อลดการสะสมของโรค ฉีดพ่นสารป้องกันกำจัดแบคทีเรียบนใบพืชและลงดินเพื่อยับยั้งการระบาด Xando ธาตุอาหารพืชที่มีผลในการควบคุมการระบาดของโรคแบคทีเรียโดยเฉพาะเจาะจง สารจะถูกดูดซึมเข้าสู่ต้นพืชเพื่อคุ้มครองพืช ป้องกันการเข้าทำลายของโรคพืชได้เป็นระยะเวลายาวนาน ฉีดพ่นในอัตรา 25 ซีซีต่อน้ำ 20 ลิตร 2-3 ครั้ง ทุก 10 วัน เพื่อมุ่งเน้นการป้องกันการเกิดโรค Backspin สารอนุพันธ์เชิงซ้อนส...